บทที่ 2005 สนามแรงโน้มถ่วงธรรมชาติ
ผู้แปล: Silavin และ PewPewLaserGun
บรรณาธิการและพิสูจน์อักษร: Leo of Zion Mountain และ Dhael Ligerkeys
เมื่อหยางไค่หันศีรษะไปมอง เขาก็ยืนยันว่าราชาต้นกำเนิดทั้งหกกำลังเข้ามาใกล้
ผู้นำของกลุ่มนี้มีท่าทางหยิ่งยโสเกี่ยวกับตัวเขาและใบหน้าที่แกะสลักด้วยหยก บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขามาจากภูมิหลังที่ทรงพลัง
นอกจากนี้… ยังกลายเป็นคนที่หยางไค่รู้จัก
ตำหนักหนุ่มแห่งตำหนักนักบุญเหินเวหา หนิง หยวน เฉิง!
ในตลาดมืดวันนั้น หนิง หยวน เฉิงและโม่ เสี่ยว ฉีมีความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ เพราะไข่สัตว์อสูร ในเวลานั้น หยางไค่ได้ปกปิดรูปร่างหน้าตาของเขาและใช้กลอุบายอันชาญฉลาดเพื่อทำให้กลุ่มของ Saint Palace หวาดกลัว
ตอนนี้เขาได้พบกับผู้ฝึกฝน Flying Saint Palace เหล่านี้โดยไม่คาดคิดอีกครั้งในชั้นแรกของเจดีย์สมบัติห้าสี
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ Liu Yi Zhi ปรมาจารย์แห่ง Dao Source Realm อันดับสองไม่ได้อยู่ที่ใด นี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแม้ว่าเจดีย์สมบัติห้าสีจะเปิดให้เฉพาะผู้ที่อยู่ต่ำกว่า Dao Source Realm ในครั้งนี้ ดังนั้น Ning Yuan Cheng จึงทำได้เพียงนำ Kings Origin มาด้วยเท่านั้น
ไม่ทราบว่าเขารวบรวมทหารองครักษ์ได้อย่างไร หรือเหตุใดเขาจึงพยายามเผชิญหน้ากับหยางไค่
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าบุคคลนี้คือใคร แต่หยางไค่ก็ไม่ได้แสดงอาการใดๆ บนใบหน้าของเขาเลย
เขาซ่อนรูปลักษณ์ของเขาในวันนั้น ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่า Ning Yuan Cheng จะจำเขาไม่ได้ในขณะนี้
“คุณต้องการอะไรไหม” หยางไค่หันศีรษะและถามหนิงหยวนเฉิงอย่างแผ่วเบา
“คุณเป็นคนบ้าเหรอ? เราจะเรียกให้คุณหยุดได้อย่างไรถ้าเราไม่ต้องการอะไร” หนึ่งในราชาต้นกำเนิดที่อยู่เบื้องหลัง Ning Yuan Cheng พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หยางไค่เย้ยหยันขณะที่เขาฉายแววเย็นชาไปยังผู้พูด
“อย่าหยาบคาย” หนิง หยวน เฉิงตะคอก ดูเหมือนจะตำหนิยามของเขา หันสายตากลับมาที่หยางไค่ทันทีและกำหมัดในขณะที่พูดด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ “เพื่อนคนนี้ คนนี้คือนายวังน้อยของ Flying Saint Palace, Ning Yuan Cheng ฉันเรียกเพื่อนคนนี้กี่คน”
“ถ้าคุณมีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะ ฉันไม่อยากเสียเวลา” การแสดงออกของหยางไค่ยังคงเฉยเมย
เขาเข้าใจบุคลิกของหนิง หยวน เฉิงคนนี้แล้ว และรู้ว่าตอนนี้เขาแค่แสดงความสุภาพเท่านั้น เพราะเขายังไม่ได้ยืนยันว่าภูมิหลังของหยางไค่เป็นอย่างไร
บางที... มันอาจเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดมืดวันนั้น เพราะเมื่อถูกงูกัดแล้ว คนๆ หนึ่งจะกลัวเชือกเป็นเวลาสิบปี
ปฏิกิริยาและกิริยาท่าทางของหยางไค่ทำให้หนิง หยวนเฉิงขมวดคิ้ว และเห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีความสุข แต่กดความโกรธลง เขาพูดต่อ “ในกรณีนี้ คนนี้จะพูดอย่างตรงไปตรงมา เมื่อกี้นี้ ดูเหมือนสัตว์ร้ายตัวน้อยจะส่งของบางอย่างมาให้ ฯพณฯ ใช่ไหม?”
“อะไรของมัน?” หยางไค่เข้าใจทันที เห็นได้ชัดว่าหนิง หยวน เฉิงผู้นี้มองว่าแผ่นหยกนั้นเป็นสมบัติบางอย่าง และมาที่นี่ด้วยความหวังที่จะฉกฉวยมันไว้
"มันคืออะไร?" ดวงตาของ Ning Yuan Cheng เป็นประกายในขณะที่เขายังคงสอบสวนต่อไป
“เกี่ยวอะไรกับคุณ”
“เด็กป่า!” ทันใดนั้นผู้คุมที่พูดก่อนหน้านี้ก็โกรธและระเบิดด้วยความโกรธ “นายวังหนุ่มถามคำถามคุณ สิ่งที่ต้องทำคือตอบอย่างเชื่อฟัง! คุณกล้าถามคำถามอะไร
หนิง หยวน เฉิง โบกมือเพื่อหยุดการกระทำต่อไปของทหารรักษาพระองค์ แต่สีหน้าของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา ขณะที่ความอดทนของเขาก็อ่อนลงเช่นกัน “เจ้าตัวนี้สนใจสัตว์ร้ายตัวน้อยของคุณมาก ฉันไม่รู้ว่า ฯพณฯ ของคุณเต็มใจที่จะจากไปหรือไม่ กับมัน? อันนี้เสนอได้…”
“ไม่สนใจ” หยางไค่ปฏิเสธโดยไม่รอให้เขาพูดจบ
โดยไม่แม้แต่จะเอ่ยว่าค้างคาวตัวเล็กตัวนี้เป็นสัตว์อสูรของลำดับที่สิบ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่สามารถเพาะปลูกได้แบบสบาย ๆ หรือสิ่งที่หยางไค่จะขายแบบสบาย ๆ มันไม่ใช่แม้แต่ตัวเขาตั้งแต่แรกเพราะมันเป็นของ Mo Xiao Qi
หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป
“เพื่อนดูเหมือนจะต้องการปฏิเสธขนมปังปิ้ง! ดีแล้วที่คุณต้องดื่มเสีย! จับมันมาให้ฉัน!” หนิง หยวน เฉิงเห็นว่าหยางไค่ทำตัวไม่สุภาพและไม่ใส่ใจกับการรักษาหน้าอีกต่อไป จึงสั่งให้ทหารรักษาพระองค์ดำเนินการ
ราชาต้นกำเนิดทั้งห้าได้ยินคำสั่งนี้และดำเนินการทันที
อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นเอง ค้างคาวหนีสวรรค์ซึ่งบินวนอยู่ใกล้ๆ จู่ๆ ก็เปิดปากและส่งเสียงร้องแหลมเป็นชุด
คลื่นเสียงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายออกไปเหมือนระลอกคลื่น ครอบคลุมผู้ฝึกฝน Flying Saint Palace ในทันที
ทันใดนั้น ราชาต้นกำเนิดทั้งห้าและหนิง หยวนเฉิงก็หน้าซีดอย่างช่วยไม่ได้ เพราะพวกเขารู้สึกว่าแก้วหูและพลังชีวิตของพวกเขาพังทลาย แม้แต่ Qi ที่มาของพวกเขาก็เริ่มก่อกวนภายในเส้นลมปราณของพวกเขา
แต่ละคนมีท่าทางสยดสยองขณะที่พวกเขาคำรามอย่างรวดเร็วและผลักความแข็งแกร่งเพื่อต้านทานความรู้สึกไม่สบาย
เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาฟื้น หยางไค่และค้างคาวตัวเล็กก็บินไปไกลแล้ว กลายเป็นเพียงจุดในระยะไกล
“ให้ตายเถอะ! ติดตามเขา! ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องได้สัตว์ร้ายตัวนั้น ดูเหมือนว่าจะสามารถค้นหาสมบัติล้ำค่าและจะมีบทบาทสำคัญในสถานที่แห่งนี้!” Ning Yuan Cheng ตะโกนด้วยความโกรธ
ผู้คุมทั้งห้าไม่กล้าที่จะหลบและใช้ทักษะการเคลื่อนไหวไล่ตามอย่างรวดเร็ว
แต่หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็มองไม่เห็นหยางไค่และค้างคาวตัวน้อยโดยสิ้นเชิง
"พวกเขาไปไหน?" หนิง หยวน เฉิง มองไปรอบ ๆ แต่ไม่พบร่องรอยใด ๆ
“รายงานไปยัง Young Palace Master อย่างใด ในพริบตา ชายคนนั้นและสัตว์ร้ายของเขาก็หายไป” ทหารยามคนหนึ่งพูดด้วยความไม่แน่ใจ
“พวกมันต้องอยู่ใกล้ ๆ รีบค้นหาเร็ว ๆ นี้! นายน้อยคนนี้จะเฝ้าดูสมบัติของเขาบินหนีไปได้อย่างไร” Ning Yuan Cheng กล่าวด้วยท่าทางที่โหดร้าย
ยามทั้งห้าแยกย้ายกันไปทันทีและเริ่มค้นหา
หลังจากนั้นไม่นาน ยามก็ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ “นายน้อย เร็วเข้า มันคือทางเข้าสู่ชั้นที่สอง!”
"อะไร?" หนิง หยวน เฉิงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ แต่ก็ตวาดกลับไปอย่างรวดเร็วว่า “ไร้สาระ! ทางเข้าสู่ชั้นที่สองคือเสาไฟห้าสีขนาดยักษ์ มองเห็นได้ชัดเจนมาก คุณคิดว่านายน้อยคนนี้ตาบอดจนมองไม่เห็น… ดู… ฮะ?”
ในขณะที่ Ning Yuan Cheng กำลังตะโกนด้วยความโกรธ เขาก้าวไปข้างหน้าและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แน่นอน เสาไฟห้าสียืนอยู่ตรงหน้าเขา
หน้าบึ้ง เขาเดินไปสองสามก้าวแล้วเสาไฟห้าสีที่อยู่ข้างหน้าเขาก็หายไปแบบนั้น ก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง เสาแห่งแสงปรากฏขึ้นอีกครั้ง
"แปลกมาก?" หนิง หยวน เฉิงตกใจมาก
“อืม นายตำหนักหนุ่ม ทางเข้านี้ดูเหมือนจะมองเห็นได้ก็ต่อเมื่อมีคนยืนอยู่ในระยะที่กำหนดเท่านั้น มิฉะนั้นจะไม่สามารถตรวจจับได้แม้ว่าใครจะเดินผ่านไป” ยามที่ค้นพบทางเข้าพูดด้วยความกระตือรือร้น
“ไอ้สารเลวจาก Star Soul Palace ช่างทรยศจริงๆ โชคดีที่นายน้อยผู้นี้เป็นที่โปรดปรานของสวรรค์ มิฉะนั้น เขาจะพบทางเข้านี้ได้อย่างไร ฮ่า ฮ่า ฮ่า จะมัวรีรออะไรอยู่ล่ะ? ไปที่ชั้นที่สองกันเถอะ! ไอ้สารเลวนั่นก่อนหน้านี้ต้องเดินทางไปยังชั้นสองด้วย ฮึ่ม เขาจะไม่รอดจากเงื้อมมือของนายน้อยคนนี้!”
“เจ้าวังน้อย สัตว์ร้ายตัวนั้นอาจไม่เพียงแต่สามารถหาสมบัติล้ำค่าได้เท่านั้น แต่น่าจะค้นพบทางเข้านี้ด้วย มันเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง”
“ถ้าเช่นนั้น นายน้อยผู้นี้ต้องการที่จะครอบครองมันมากยิ่งขึ้น! บางทีเราอาจจะใช้มันเพื่อหาทางเข้าสู่ชั้นที่สาม เพื่อให้เราขึ้นไปดูได้” ใบหน้าของหนิง หยวน เฉิงเต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า ขณะที่เขานำกลุ่มหกคนของเขาไปยังเสาไฟห้าสี ซึ่งเป็นเสาถัดไป ในขณะที่พวกเขาทั้งหมดหายไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พวกเขาไปถึงชั้นที่ 2 ก็ไม่พบร่องรอยของหยางไค่
ในเวลาเดียวกัน ณ ที่ใดที่หนึ่งในชั้นที่สอง หยางไค่กำลังบินไปข้างหน้าโดยมีค้างคาวตัวเล็กนำทาง
หยางไค่รู้ว่ามันกำลังตามหาโม่เสี่ยวฉี ดังนั้นเขาจึงตามไปอย่างสบายๆ ในขณะที่ชมทิวทัศน์และฉากของชั้นที่สอง
ดูเหมือนจะไม่แตกต่างจากชั้นแรก พลังงานของโลกยังคงเบาบางมาก ไม่เหมาะสำหรับการเพาะปลูก ยิ่งกว่านั้น หลักธรรมของโลกยังแตกเป็นเสี่ยงๆ
อย่างไรก็ตาม ชั้นที่สองดูเหมือนจะอันตรายกว่าชั้นแรกมาก
หยางไค่สำรวจชั้นแรกมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่พบกับดักและอุปสรรคที่ทรงพลังมากนัก
แต่หลังจากมาถึงชั้นที่สอง เขารู้สึกได้ถึงความผันผวนของพลังที่ซ่อนอยู่มากมายภายใต้การดูแลของสัมผัสแห่งสวรรค์ของเขา
เป็นการยากที่จะบอกได้ว่า Spirit Arrays เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์หรือเกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เห็นได้ชัดว่าพวกมันจะถูกกระตุ้นหากเขาเข้าใกล้เกินไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีค้างคาวหนีสวรรค์นำทาง หยางไค่ไม่กังวลว่าเขาจะเจออันตรายหรือไม่ เพราะสัตว์ร้ายตัวเล็กนี้ดูเหมือนจะมีความสามารถโดยธรรมชาติในการสัมผัสถึงอันตราย ดังนั้นจึงสามารถนำเขาไปตามเส้นทางที่ปลอดภัยได้
ครึ่งวันต่อมา สัตว์ร้ายหนึ่งตัวและอีกคนหนึ่งมาถึงช่องเขาที่มีลมแรงสูงประมาณหนึ่งพันเมตร
หยางไค่ตรวจสอบซ้ายขวาเพื่อยืนยันว่าไม่มีอันตรายใดๆ ก่อนดำเนินการต่อ
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ค้างคาวตัวน้อยบินข้ามหุบเขา มันก็เริ่มส่งเสียงร้องด้วยความตื่นตระหนก
หยางไค่ตกตะลึงกับสิ่งนี้ แต่ก่อนที่เขาจะทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็เริ่มจมลงทันที
ในขณะนั้นดูเหมือนว่ามีแรงดูดที่น่าสะพรึงกลัวมาจากด้านล่าง ทำให้เขาดิ่งลงอย่างควบคุมไม่ได้
ใบหน้าของหยางไค่เปลี่ยนไปอย่างมาก
เขาพยายามต้านทานแรงดูดที่ลดลงอย่างรวดเร็ว
แต่ในไม่ช้า หยางไค่ก็ค้นพบว่าความพยายามของเขาไร้ผล แม้จะมีการบ่มเพาะราชาต้นกำเนิดลำดับสาม แต่เขาก็ไม่สามารถชะลอการสืบเชื้อสายของเขาได้ สำหรับค้างคาวตัวเล็ก แม้ว่ามันจะว่องไวมากในอากาศ แต่มันก็ล้มเหลวเช่นกันที่จะหนีจากแรงนี้และหมุนวนลงไปในหุบเขาด้านล่าง
ลมหวีดหวิวเมื่อความเร็วที่หยางไค่ล้มลงเร็วขึ้นและเร็วขึ้น แรงกดดันถึงกับเริ่มกัดใบหน้าของเขา
ในที่สุดหยางไค่ก็เริ่มตื่นตระหนก
เขาเข้าใจทันทีว่าเขาได้พบกับกับดักที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ซึ่งไม่เพียง แต่เขาหาไม่พบ แต่แม้แต่ค้างคาวหนีสวรรค์ก็ไม่รู้ตัว
ข้อจำกัดอันทรงพลังเช่นนี้ไม่น่าเป็นไปได้ที่มนุษย์สร้างขึ้นและมีโอกาสสูงที่จะก่อตัวขึ้นเองตามธรรมชาติ
โดยทั่วไปแล้ว Natural Spirit Arrays ดังกล่าวยากที่จะตรวจพบจนกว่าจะสายเกินไป
หากความเร็วในการพุ่งลงมาของเขายังคงเพิ่มขึ้น แม้ว่าร่างกายที่ทรงพลังของหยางไค่ วิชาแบ่งเบาดาบห้าธาตุที่ทำลายไม่ได้ และวิชาลับการแปลงร่างของมังกร เขาจะต้องตายเมื่อถูกกระแทกอย่างแน่นอน
นี่จะเป็นการตายที่น่าสังเวชอย่างเหลือเชื่อ
เสียงแหลมแหลมของค้างคาวหนีสวรรค์ยังคงดังก้องอยู่ในหูของหยางไค่ แต่น้ำเสียงนั้นผิดเพี้ยนไปมากเนื่องจากความเร็วที่เหลือเชื่อที่พวกเขาตกลงมา
หยางไค่พยายามกวาดสายตาไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นอะไร เป็นทางเลือกสุดท้าย เขาปลดปล่อยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาอย่างกว้างขวาง และหลังจากการตรวจสอบบางอย่าง ในที่สุดเขาก็ได้รับรู้ถึงสภาพแวดล้อมของเขา
หยางไค่จับค้างคาวตัวเล็กด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ สะบัดข้อมือและส่งด้ายโลหิตสีทองออกไปทางมัน อย่างไรก็ตาม ความแม่นยำของเขาได้รับผลกระทบอย่างมากจากสถานการณ์ปัจจุบันของเขาและไม่สามารถจับเป้าหมายได้
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น หยางไค่จึงส่งด้ายสีทองสองโหลออกไป สร้างเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ที่ในที่สุดก็สามารถจับค้างคาวตัวเล็ก ๆ และนำมันกลับมาให้เขาได้
วินาทีต่อมา เขากอดค้างคาวตัวน้อยและหนีเข้าไปในลูกปัดโลกปิดผนึกโดยไม่ลังเล
ไม่นานต่อมา ที่ด้านล่างของหุบเขา เกิดเสียงดังเบาๆ ขณะที่ Sealed World Bead กระเด้งขึ้นเพียงครั้งเดียวก่อนจะหยุดลง
ไม่นานหลังจากนั้น หยางไค่กล้าที่จะปลดปล่อยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกไปข้างนอกเพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมของเขา
อย่างไรก็ตาม พลังที่น่าดึงดูดที่นี่น่ากลัวเกินไป ทำให้แม้แต่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็บิดเบี้ยวทันทีที่มันออกจากลูกปัดโลกปิดผนึก
เมื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยางไค่ก็ปลอบประโลมค้างคาวหนีสวรรค์อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยมันไว้ในลูกปัดโลกปิดผนึกและออกไปข้างนอก
วินาทีต่อมา หยางไค่ย่อตัวลงขณะที่เขาถูกดูดลงไปที่พื้น โดยพบว่ามันยากที่จะแม้แต่จะยกนิ้วขึ้น
“สนามแรงโน้มถ่วงตามธรรมชาติ?” การแสดงออกของ Yang Kai บิดเบี้ยว