ผู้แปล:imperfectluck บรรณาธิการ:Kurisu
กลีน่ายังยุ่งมากในฐานะผู้ปกครองอาณาจักร อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ Reyne ค่อนข้างไร้เดียงสาในบางด้าน แต่ Glina ก็ค่อนข้างฉลาดรอบด้าน เนื่องจากเธอเคยสัมผัสกับความหนาวเย็นของโลกตั้งแต่ยังเด็ก
ให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น กลีน่าประสบความสำเร็จในการก่อตั้งกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ทหารที่ยอดเยี่ยม ซึ่งมีความสามารถเพียงพอที่กลีน่าไม่ต้องดูแลทุกอย่างเป็นการส่วนตัว… แน่นอน ส่วนใหญ่กลีน่าจัดตั้งกลุ่มผู้ติดตามที่มีทักษะเช่นนี้เพื่อที่เธอจะได้สร้าง มีเวลามากขึ้นสำหรับการวิจัยด้านวิศวกรรมส่วนตัวของเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอมีความก้าวหน้าอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Glina Caso วิศวกรด้านวัตถุระเบิดของ Northlands ปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ในทางหนึ่ง Glina เป็นเหมือนฉันมากกว่าที่เธอชอบใช้สมองและมือของเธอเอง ในขณะที่ Reyne เป็นเหมือนลิงบางตัวที่มีกล้ามเนื้อแทนสมอง
ถึงกระนั้น บางทีเด็กที่โง่กว่ามักจะสร้างปัญหาให้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่ที่ขี้กังวลมากขึ้นด้วย เมื่อมองย้อนกลับไป ฉันคงเป็นห่วง Reyne มากกว่า Glina จริงๆ ฉันมักจะรู้สึกเหมือนว่ากลีน่าเป็นคนที่ฉันไม่จำเป็นต้องกังวล แต่ฉันก็เพิกเฉยต่อความต้องการทางอารมณ์ของเธอเสมอ ด้วยการแยกทางกันหลายปี ฉันละเลยหน้าที่การเป็นพ่อของฉัน ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกปวดใจ...
“…อืม กลิน่า ฉันไม่รังเกียจหรอกที่เธอแกล้งทำเป็นเล่าเรื่องให้ฉันฟัง และฉันก็เห็นด้วยอย่างยิ่งว่า Karwenz เป็นลิงที่มีกล้ามเนื้อแทนสมอง แต่ลองดูตรงนั้นสิ ลิงอีกตัวกำลังจะระเบิด…”
Glina—ซึ่งเคยอยู่เคียงข้างฉันและแสร้งทำเป็นเล่าเรื่องให้ฉันฟัง—หันกลับมาเพียงเพื่อจะพบว่า Reyne กำลังยิ้มในขณะที่ชักดาบออกจากฝัก ดูเหมือนว่า Reyne ได้ตัดสินใจที่จะจัดการกับพี่สาวของเธอที่เธอไม่ได้เจอมานาน
แท้จริงแล้วกลีน่าเป็นพี่สาว ฉันเกือบลืมไปแล้วเพราะรูปร่างหน้าตาที่สาวของ Glina แต่จริงๆ แล้วเธอแก่กว่า Reyne หนึ่งปีครึ่ง!
จากนั้น Glina ที่ดูเหมือนจะยังเด็กก็เริ่มวิ่งทันที ทำหน้าตลกขณะที่เธอวิ่ง
“…มาจับฉันสิน้องสาวลิง! อวดกล้ามต่อหน้าพ่อบุญธรรม!”
"ตามที่ขอ!"
พุทโธ่? พลังงานดาบ? แม้แต่ Reyne ก็กลายเป็น Sword Saint? เธอไล่ตามพี่สาวของเธอด้วยพลังดาบ? นี่เป็นฉากที่คุ้นเคยจริงๆ
ฉันทำได้เพียงร้องอุทานในขณะที่ฉันเฝ้าดูพลังงานดาบและการระเบิดปรากฏขึ้นทุกที่ พี่น้องคู่นี้ที่เริ่มต่อสู้กันทันทีเมื่อเห็นหน้ากันในวันหยุดนั้นอยู่ใกล้กันมาก! ฉันอดไม่ได้ที่จะนึกถึงอดีต—เมื่อทั้งครอบครัวของฉันจะได้อยู่ร่วมกันในวันหยุด ฉันยังเล่นกับลิงของพี่ชายของฉันแบบนี้ แต่ผลที่ได้คือฉันมักจะถูกทุบตีในที่สุด… ไอ อะแฮ่ม เวลาเป็นสิ่งมีค่า ดังนั้นฉันควรจะเลิกพูดถึงประวัติศาสตร์อันมืดมนของฉันได้แล้ว
ถึงกระนั้น Glina ไม่ใช่แค่ทำทุกอย่างที่เธอพูด ในฐานะราชินี เธอค่อนข้างยุ่งมาก โดยเฉพาะกับรายงานทั้งหมดที่จำเป็นในช่วงสิ้นปี งานธุรการทุกอย่างจะไม่มีวันจบสิ้น
สิ้นปีหมายถึงการคำนวณและจัดสรรเงินใหม่สำหรับแผนกต่างๆ ในปีหน้า นี่จะมากเกินพอสำหรับการต่อสู้ทางการเมืองมากมาย ด้วยการประชุมที่ยาวนานกว่าสิบวัน คงเป็นไปไม่ได้ที่จะขึ้นเรือเหาะของกองทัพและออกจากอาณาจักรสเลวเวียร์โดยไม่มีข้อแก้ตัวที่ดี
ผลตอบแทนของฉันไม่นับ? ไม่จริง เพราะฉันมีสถานะค่อนข้างพิเศษใน Mist Alliance ฉันไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และในทางเทคนิคแล้วก็ไม่ได้เป็นสมาชิกของรัฐบาลที่นี่ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสงสัยว่าจะมีคนสักคนเดียวที่จะเชื่อใครก็ตามที่บอกว่าฉันไม่มีอิทธิพลใด ๆ ใน Mist Alliance และ Mist Kingdom
ดังนั้น ฉันจึงกลายเป็น "คนๆ นั้น" คนที่ทุกคนใน Mist Alliance รู้จัก แต่เป็นคนที่ไม่ควรมีตัวตนบนกระดาษ ฉันกลายเป็นคนล่องหนที่ไม่มีใครเรียกชื่อตรงๆ
ครั้งนี้ เหตุผลอย่างเป็นทางการที่กลิน่ามาที่นี่ก็เพื่อหารือเรื่องสำคัญเกี่ยวกับกลุ่มพันธมิตรหมอก ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญพอที่จะทำให้เธอออกจากงานธุรการสิ้นปีนับไม่ถ้วน... นี่คือเหตุผลที่ฉันรู้สึกว่ากลิน่าคล้ายกับฉัน เนื่องจากเราทั้งคู่มีทักษะในการหาข้อแก้ตัวที่ดีเพื่อผ่อนผัน… เอิ่ม ฉันหมายความว่าเราทั้งคู่เชี่ยวชาญในการจัดการเรื่องส่วนตัวในขณะเดียวกันก็ดูแลเรื่องทางการด้วย!
“…มีความแตกต่างหรือไม่?”
“ไร้สาระ แน่นอนว่ามีความแตกต่าง ไม่เพียงฟังดูไม่ดีเท่านั้น แต่ผู้คนยังต้องการให้คุณพิจารณาในภายหลังอีกด้วย หากคุณหย่อนยานโดยใช้เรื่องทางการเป็นข้อแก้ตัวแทน คุณสามารถขอเงินรัฐบาลเพื่อจ่ายคืนในภายหลังได้ การใช้เงินอย่างเป็นทางการเพื่อซื้อสิ่งประดิษฐ์และหนังสือเก่า ๆ ที่คุณต้องการนั้นยอดเยี่ยมมาก! การใช้จ่ายเงินของผู้อื่นเป็นเรื่องสนุกเพราะไม่เสียหายเลย! ไม่จำเป็นต้องลังเลที่จะซื้อสิ่งที่คุณต้องการ! Harloys คุณรวยอยู่แล้ว แน่นอนว่าคุณไม่เข้าใจความสุขแบบนั้น… เอ๊ะ? นั่นฟังดูไม่เหมือนเสียงของ Harloys เหรอ? เค…เคลลี่?”
ฉันหันกลับไปและอยากจะตบตัวเองจริงๆ อันที่จริง ต่อหน้าฉันตอนนี้คือผู้ดูแลหลักของราชวงศ์ Mist Kingdom หัวหน้าฝ่ายการเงิน Kelly ซึ่งฉันขอเงินจากหลายปีที่ผ่านมา!
วันนี้เอลฟ์ไม้เคลลี่สวมเสื้อผ้าที่สวยงาม เธอยังยิ้มอย่างอ่อนหวาน แต่ฉันกลับรู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลัง
“โอ้ ดูเหมือนว่าข้าควรจะพิจารณาการใช้จ่ายเงินของฝ่าบาทโรลันด์ในปีหน้าเสียใหม่ ฉันรู้สึกว่าการให้เงินเขาเพียง 10% ของปีที่แล้วก็น่าจะเพียงพอแล้ว”
เคลลี่จากไปในขณะที่เธอพูดกับตัวเองด้วยรอยยิ้ม ในฐานะผู้ดูแล 1 คนของ Mist Kingdom ตอนนี้เธอค่อนข้างยุ่งกับการเตรียมงานเลี้ยงสิ้นปี ครั้งนี้ เธอตัดสินใจที่จะมอบบทเรียนที่ดีให้กับเจ้าชายที่เธอเอาแต่ใจมากเกินไป ไม่ว่าเขาจะหาข้อแก้ตัวอะไรมา เธอจะไม่ให้เงินเขาใช้เลย
ตอนนี้อารมณ์ของฉันแย่ลง เนื่องจากเป็นช่วงสิ้นปี ฉันหวังว่าจะได้เงินเพิ่มเพื่อที่ชีวิตฉันจะมีความสุขมากขึ้นในปีหน้า ดูเหมือนว่าฉันต้องหลอกลวง… เอ่อ หาเงินเพิ่มจากที่อื่น!
แน่นอนว่าตอนนี้ฉันค่อนข้างยากจน ใครก็ตามที่ไม่ทำงานก็จะยากจนในที่สุดแม้ว่าพวกเขาจะมีภูเขาทองก็ตาม ทรัพย์สมบัติของฉันตั้งแต่สมัยที่หยงเย่ถูกมอบให้กับแอนนี่และคนอื่นๆ ฉันแทบไม่ได้พกเงินติดตัวเลยในการเดินทาง
ฉันไม่เคยสนใจเรื่องเงินมากเกินไปตั้งแต่แรก ฉันสามารถกระดกไวน์หนึ่งแก้วซึ่งมีราคาหลายพันเหรียญทองในอึกเดียว และฉันก็สบายดีกับการดื่มเบียร์ที่มีราคาเพียงสองเหรียญทองแดง ฉันยังเป็นคนประเภทที่ใช้เงินไม่ถูกควบคุม และฉันก็ขี้เกียจเกินไปที่จะทำงานเป็นนักผจญภัยเพื่อให้ได้เหรียญทองมากขึ้น เมื่อใดก็ตามที่ฉันมีเงิน ฉันมักจะใช้ให้หมดภายในหนึ่งเดือน ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าฉันจะมีสมบัติมากมาย แต่ฉันก็ไม่เต็มใจที่จะแบ่งปันสมบัติเหล่านั้น และแม้ว่าฉันจะพยายามขายสมบัติของฉัน แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่คนจำนวนมากจะกล้าซื้อมัน
จริงๆ แล้ว นักผจญภัยอิสระที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายใดก็เป็นแบบนี้ทั้งหมด หากพวกเขาไม่ขยันขันแข็งแต่ยังไม่เต็มใจที่จะทำการปล้น พวกเขาคงจะยากจนมากแน่ๆ ฉันหมดเนื้อหมดตัวเมื่อกลับมาที่ผิวน้ำ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันจึงขอเงินเคลลี่อย่างไร้ยางอายในแต่ละปี...
“ท่านพ่อ ท่านควรไปแต่งงานกับผู้หญิงรวยๆ ด้วยวิธีนี้ คุณจะไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารเช้าทุกวัน”
“จุ๊ จุ๊ จุ๊ อย่าทำตัวไร้สาระสิ ฉันดูเป็นประเภทที่ต้องการแม่น้ำตาลเหรอ?”
แม้ว่าฉันจะพูดอย่างนั้น แต่ฉันก็นึกถึงผู้หญิงสองคนทันที Amelia เทพีแห่งไม้วิญญาณ และ Harloys จักรพรรดินีเอลฟ์… พวกเขาเป็นบอสใหญ่ของเผ่าพันธุ์ของตน ซึ่งหมายความว่าพวกเขาค่อนข้างร่ำรวยใช่ไหม? ถ้าฉันได้แต่งงานกับหนึ่งในนั้น ฉันจะสามารถพักผ่อนไปตลอดชีวิตที่เหลือของฉันได้ไหม? ฉันสาบานว่าความคิดแบบนั้นเข้ามาในหัวของฉันเพียงชั่วครู่ก่อนที่ฉันจะสลัดมันออกไป!
“…ขาดแรงจูงใจเช่นนั้น ฉันจะไม่ปล่อยให้หนุ่มหล่อไร้ประโยชน์อยู่รอบๆ อย่างแน่นอน…” เจ้าแมวโง่พูดแสดงความคิดเห็นในช่วงเวลาวิกฤตเช่นเคย ใบหน้าของฉันแดงระเรื่อทันทีด้วยความอาย และฉันก็โกรธจนถึงจุดที่ฉันอุ้มเธอขึ้นมาและโยนเธอออกไปนอกหน้าต่างทันที!
“หน้าหนาวแล้ว! ในฐานะแมว เธอควรไปจับหนูมาให้ฉันเก็บไว้เป็นเสบียงฤดูหนาว… ใช่แล้ว กลิน่า ในเมื่อคุณอยู่ที่นี่ คุณต้องมีข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการสมัครเพื่อเข้าร่วม Mist Alliance?”
อะไรนะ คุณกำลังจะบอกว่าฉันค่อนข้างจะบังคับเปลี่ยนหัวข้อ? ไอ ไอ ไอ ฉันรู้สึกว่าถึงเวลาที่จะต้องติดตามและหารือเกี่ยวกับธุรกิจระหว่างประเทศอย่างจริงจัง นั่นคือทั้งหมด!
เหตุผลที่อ้างว่าการมาถึงของกลีน่าคือการหารือเกี่ยวกับกิจการระหว่างประเทศ สิ่งที่ร้ายแรงพอที่จะกำหนดให้ผู้นำที่ใหญ่ที่สุดสองคนของ Mist Alliance มาพบกันย่อมเป็นการสมัครก่อนหน้านี้เพื่อเข้าร่วม Mist Alliance
สายลับและนักการทูตของ Mist Alliance ยุ่งอย่างบ้าคลั่งในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ถึงกระนั้น การทำงานหนักของพวกเขาก็เกิดผล และเราได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง
อาณาจักร Soen Dukedom และ Feldis มีความจริงใจที่ต้องการเข้าร่วมกับ Mist Alliance ผู้นำของพวกเขา อาร์คดยุคไคลน์และกษัตริย์วินเซนต์ ได้เตรียมใจที่จะละทิ้งอำนาจส่วนหนึ่งของราชวงศ์ เนื่องจากพวกเขาได้ตัดสินใจเช่นนั้นแล้ว จึงไม่มีเหตุผลใดที่พวกเขาจะต้องปิดบังว่าเหตุใดพวกเขาจึงต้องการเข้าร่วมกับ Mist Alliance
“Theocracy สแตนลีย์? โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว ชีช…”
อาณาจักร Soen Dukedom และ Feldis ได้ให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดแก่เราโดยสมัครใจว่าเหตุใดพวกเขาจึงต้องการเข้าร่วมกับเรา เหตุผลที่พวกเขายอมละทิ้งอำนาจส่วนหนึ่งของราชวงศ์เพื่อเข้าร่วมกับเราก็เพราะมีสิ่งเลวร้ายรอพวกเขาอยู่หากไม่ทำเช่นนั้น
“แนวร่วมสมรภูมิเทวะเหนือ? ให้ตายเถอะ ศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์จะหยุดสร้างปัญหาอีกหรือ?”
“…ก่อนอื่นคุณควรจำจำนวนอวตารของเทพเจ้าแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ที่คุณฆ่าไปแล้ว เขาคงไม่เคยสูญเสียอะไรมากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้”
จู่ๆ เจ้าแมวโง่ก็กระโดดออกมาจากมุมหนึ่งอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจัง และเธอก็คุยเรื่องระหว่างประเทศกับฉันราวกับว่าความเคอะเขินก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเลย
ด้วยข้อมูลนี้ แผนการเงอะงะของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์จึงถูกวางไว้ต่อหน้าเรา
ประเทศเล็ก ๆ ทางตอนเหนือ Stanley Theocracy ได้เกิดความคิดที่จะจัดตั้ง "พันธมิตรแนวรบศักดิ์สิทธิ์ทางเหนือ" แนวคิดหลักคือการสร้างพันธมิตรทางเหนือของประเทศต่างๆ คล้ายกับกลุ่มพันธมิตรหมอก ซึ่งทุกคนบูชาคำสอนของเทพเจ้าแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ เป้าหมายของแผนการนี้คือการปิดผนึกพันธมิตรสายหมอกทั้งหมด
สมาชิกของพันธมิตรใหม่นี้จะเป็นประเทศที่อยู่ทางตอนใต้ของพันธมิตรหมอก ตราบใดที่พันธมิตรใหม่นี้ได้รับการจัดตั้งขึ้นจริง ก็เป็นความจริงที่พันธมิตรหมอกจะถูกปิดล้อมที่มุมทางเหนือ
แม้ว่า Theocracy Stanley จะมีอำนาจน้อยกว่า 20% ของอาณาจักร Feldis แต่ก็เห็นได้ชัดว่า Theocracy Stanley จะเป็นผู้นำหลักของพันธมิตรใหม่นี้ เห็นได้ชัดว่า Holy Church จะดึงเชือกที่อยู่เบื้องหลัง Stanley Theocracy ในความเป็นจริง กลุ่มอัศวินศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสองกลุ่มและพระคาร์ดินัลหนึ่งคนก็ถูกส่งไปยัง Stanley Theocracy
อย่างไรก็ตาม ประเทศอื่นๆ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นหลุมพรางขนาดใหญ่ การเข้าร่วม Northern Divine Battlefront Alliance หมายถึงการเป็นปรปักษ์กันอย่างสมบูรณ์กับ Mist Alliance พร้อมกับการเป็นปืนใหญ่สำหรับ Holy Church นอกจากนี้ ความคืบหน้าล่าสุดได้พิสูจน์แล้วว่าพระคาร์ดินัลซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้แย่งชิงทางการเมืองนั้นเป็นคนงี่เง่าอย่างแท้จริงเกี่ยวกับการทำสงคราม พวกเขามุ่งแต่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนมากขึ้นเท่านั้น อนาคตของประเทศใดก็ตามที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรดังกล่าวภายใต้การบัญชาการทางทหารของพระคาร์ดินัลนั้นเลวร้ายอย่างเหลือเชื่อ
ศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ได้ออกจดหมายอย่างเป็นทางการไปยังราชวงศ์ทางตอนเหนือของมนุษย์แต่ละประเทศแล้ว โดยขอให้พวกเขาเข้าร่วมกับ Northern Divine Battlefront Alliance ประเทศมนุษย์เล็กๆ ทางตอนเหนือเหล่านี้ไม่เคยได้รับความสนใจจากพระเจ้าแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์มากเท่านี้มาก่อน โดยพื้นฐานแล้ว หมายความว่าพวกเขาไม่สามารถเป็นกลางได้อีกต่อไป พวกเขาจะต้องเลือกระหว่าง Mist Alliance และ Holy Church
ดังนั้น อาณาจักร Soen Dukedom และ Feldis จึงเลือกที่จะเข้าร่วมกับเราแทนที่จะเป็น Holy Church...
“พวกโง่เขลาแห่งคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์กำลังคิดอะไรอยู่? พวกเขาต้องการระวังพันธมิตรหมอก? แต่เราควรจะเป็นพันธมิตรกันตอนนี้ไหม”
ฉันค่อนข้างประหลาดใจและโกรธ แต่ฉันรู้สึกสิ้นหวังอย่างน่าสมเพชมากกว่า ฉันรู้สึกเหมือนฉันคาดหวังอะไรแบบนี้จากก้นบึ้งของหัวใจแล้ว
“ไอ นายเพิ่งโจมตีพันธมิตรของคุณ เทพแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ด้วยคาถาต้องห้าม Ice Aeon เมื่อเร็ว ๆ นี้… อย่าแปลกใจไป คุณไม่รู้เลยเหรอ? สำหรับการมีอยู่ของ Order Faction ที่ทรงพลัง พวกเขาไม่ได้มองว่า Hell Faction แตกต่างจาก Chaos Faction แทนที่จะเป็นศัตรูที่พวกเขาต่อสู้มานานและรู้เรื่องมากมาย พวกเขาจะไม่คิดว่าการระวังตัวจาก 'รุ่นน้องของตัวเอง' ที่กำลังจะแซงหน้าพวกเขานั้นสำคัญกว่าหรือ?”