บทที่ 308: การเปลี่ยนแปลง
ผู้แปล: Nyoi-Bo Studio บรรณาธิการ: Nyoi-Bo Studio
ศาลของ Yolanthe เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อ Sacred City ต้อนรับหิมะแรกของปี หลังสงคราม โยลันเทและคณะรัฐมนตรีของเขาถกเถียงกันว่าจะให้รางวัลแก่ผู้ที่รับใช้ชาติได้ดีเพียงใด อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ ทุกคนรอการตัดสินครั้งสุดท้าย
ซาอูลได้รับรางวัลที่ดีที่สุด ซาอูลได้บังคับให้ผู้นำของ Dark Moon Magic Legion, Newyoheim ต่อสู้กับเขาและชนะการต่อสู้ เขาสร้างวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่มีรัศมีห้าสิบไมล์ สิ่งนี้ช่วยกองทัพของ Maho Empire จากคาถาต้องห้ามของ Newyoheim และช่วยชีวิตคนนับพัน Yolanthe ตัดสินใจแต่งตั้งซาอูลเป็นมาร์ควิส การตัดสินใจครั้งนี้กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนพูดถึงทันทีที่มีการประกาศ ไม่มีมาร์ควิสใหม่ในศตวรรษ แม้ว่าตำแหน่งมาร์ควิสอย่างซาอูลจะไม่สามารถส่งต่อไปยัง Niya ได้ แต่มันก็ยังเป็นเหตุการณ์สำคัญ หลายคนคิดว่าชื่อนี้อาจเป็นรางวัลที่ดีเกินไป แต่ไม่มีใครคัดค้าน แม้แต่ฟิลิป ซาอูลเป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมทั้งในหมู่ขุนนางและสามัญชน การคัดค้านไม่เพียงทำให้ซาอูลแปลกแยก แต่ยังรวมถึงโยลันธีด้วย ไม่มีใครต้องการรุกรานกษัตริย์ของพวกเขา
อีกหนึ่งรางวัลคือแบรี่ เขานำกองพันมรณะคำรามไปตัดเส้นทางล่าถอยของกองทัพเอลลิเซนและป้องกันไม่ให้กองทัพเอลลิเซนเอาชนะกองทัพมาโฮได้ Yolanthe ไม่ได้ให้ตำแหน่งอันสูงส่งแก่ Baery เขาตั้งให้แบรี่เป็นหัวหน้านายพลและตั้งเขาให้ดูแลกองทหาร การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้ศาลของ Yolanthe ตกตะลึง โดยปกติแล้วกษัตริย์จะไม่ปล่อยให้บทบาทของนายพลหมดไปจนกว่าเขาจะพร้อมที่จะเลือกรัชทายาท นั่นหมายความว่า Yolanthe ค่อยๆ สูญเสียอำนาจไป พยุหเสนาสามารถทำงานร่วมกันได้เพราะพยุหเสนาต่างๆเคารพซึ่งกันและกัน ตอนนี้พยุหเสนาทั้งหมดมีนายพลคนเดียวกันแล้ว คงเป็นเรื่องยากสำหรับใครก็ตามที่จะขึ้นครองบัลลังก์
ผู้คนจำนวนมากพยายามหาสาเหตุที่ Yolanthe ตั้งชื่อให้ Baery เป็นหัวหน้านายพล ในความเป็นจริง ความตั้งใจของ Yolanthe นั้นเรียบง่ายมาก มีเพียงสองคนเท่านั้นที่เหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้านายพล Baery และ Miorich
Baery ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตในการต่อสู้กับศัตรูต่างชาติ และเป็นที่รู้จักในเรื่องความไร้ความปราณี เขาเป็นคนที่ยุติธรรมและเป็นที่นิยมในหมู่ทหารของเขา เขามีประสบการณ์และรู้วิธีใช้พลังของเขา
ในทางกลับกัน Miorich ประสบความสำเร็จน้อยกว่า Baery ในแง่ของการวางกลยุทธ์ เขาไม่ได้มีชื่อเสียงเหมือน Baery เช่นกัน เมื่อ Miorich มาถึงเมือง Blackania พร้อมกับกองทัพของเขา เขาได้ต่อสู้กับกองทัพ Shansa จริงๆ ถ้า Baery อยู่ที่นั่น กองทัพ Shansa จะไม่ต่อสู้กับเขา นี่เป็นเพราะพวกเขารู้ว่านายพลแบรี่เก่งแค่ไหน
Baery ยังเป็นที่รู้จักกันดีเพราะเขาจะไว้ชีวิตกองทัพที่ยอมจำนนต่อเขาโดยไม่มีการสู้รบ หากฝ่ายตรงข้ามทำร้ายทหารของเขาแม้แต่คนเดียว เขาจะฆ่าทุกคนที่จับได้ แน่นอนว่าเขาจะไว้ชีวิตคนชั้นสูงเสมอเพราะพวกเขามีค่ามากกว่าทหารทั่วไป ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่มีกองทัพใดจะสู้รบกับแบรี่ได้ เว้นแต่พวกเขาจะมั่นใจว่าจะชนะการต่อสู้ได้
เนื่องจากชื่อเสียงของ Baery การแบ่งขั้วของกองทัพ Shansa จึงชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อใดก็ตามที่เกิดความขัดแย้ง ทหารที่จะพุ่งเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่เกรงกลัวมักมีเชื้อสายขุนนาง แต่สามัญชนจะลังเลมากกว่า ในอดีต พวกเขามีนายพลที่เก่งกว่าแบรี่ด้วยซ้ำ ตอนนี้ หลังจากนายพลคนเก่าเสียชีวิต จักรวรรดิชานซายังไม่พบนายพลที่สามารถเอาชนะแบรี่ได้ แม้ว่าจักรวรรดิ Shansa จะพยายามฟื้นฟูกองทัพของตนให้กลับคืนสู่ความรุ่งเรืองในอดีต แต่ทหารของจักรวรรดิก็ยังรู้สึกหวาดกลัวต่อนายพล Maho จักรวรรดิชานซาพบว่าตัวเองเป็นฝ่ายตั้งรับมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าเขาจะไม่มีชื่อเสียงเหมือนแบรี่ แต่มิโอริชก็ยังได้รับรางวัล Yolanthe ยกย่องมิโอริชและเปลี่ยนเขาให้เป็นขุนนางผู้ถือครองที่ดิน นอกจากนี้เขายังตั้ง Miorich เป็นรองนายพล
มีฮีโร่อีกมากมายนับไม่ถ้วนเช่นกัน ตัวอย่างเช่น Huni ผู้รับผิดชอบกองทัพในเมือง Blackania ต่อสู้นานกว่าหนึ่งสัปดาห์ครึ่งและขัดขวางการรุกของกองทัพ Shansa จนกว่า Miorich จะมาถึง เมื่อเขาเข้าไปทักทายมิโอริช เขาก็ล้มลงและเสียชีวิตด้วยความอ่อนล้าในเมืองแบล็คคาเนีย Yolanthe ทำให้เขาได้รับการนับหลังเสียชีวิตและลูกชายของเขาเป็นนายอำเภอเป็นรางวัล
อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกิจการทหาร ออกัส ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายพลแห่งเมืองแบล็กกาเนียจากงานประสานงานเสบียง
เจ้าชายแกรนดอนมีหน้าที่ดูแลกองทัพและสามารถทำให้ทหารที่กระวนกระวายในยามวิกฤตสงบลงได้ Yolanthe แต่งตั้งให้เขาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกิจการทหารคนใหม่และมอบหมายให้เขารับผิดชอบดูแลการทหารของจักรวรรดิ
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคอนสแตนตินสนับสนุนทางการเงินแก่กองทัพและให้เงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวของทหารที่เสียชีวิต Yolanthe ตั้งให้เขาเป็นวิสเคานต์ที่รับผิดชอบในอาณาเขตของ Swordbury
เจ้าชายเวสเทอร์สามารถรับตำแหน่งใน Sacred City ในช่วงที่ Yolanthe ไม่อยู่ และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีคลังคนใหม่
เจ้าชายทั้งสองได้รับตำแหน่งอำนาจและกลายเป็นส่วนหนึ่งของคณะรัฐมนตรีของ Yolanthe อย่างไรก็ตาม Wester ได้รับตำแหน่งที่ดีกว่า งานของรัฐมนตรีทหารคือการฝึกทหารใหม่และเตรียมเสบียงให้พร้อม อำนาจที่แท้จริงอยู่ที่นายพล รัฐมนตรีทหารมักจะทำเงินได้มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงสงคราม แต่ Grandon ไม่ต้องการเงิน เนื่องจากเขาเป็นเจ้าชายและร่ำรวยอยู่แล้ว ตำแหน่งของ Wester ดูมีพลังมากกว่าสำหรับเขา
การนัดหมายที่น่าสนใจที่สุดคือซาอูลซึ่งได้ชื่อว่าเป็นมาร์ควิส เขาเป็นมาร์ควิสกิตติมศักดิ์ และวิธีเดียวที่เขาจะกลายเป็นมาร์ควิสตามกรรมพันธุ์ได้คือการต่อสู้ในสงครามอื่น นั่นหมายความว่า Yolanthe ไม่เพียงต้องการสงครามอีกครั้ง แต่เขากำลังเตรียมพร้อมสำหรับสงครามอย่างแข็งขัน
การที่ Baery ขึ้นเป็นหัวหน้านายพลหมายความว่า Yolanthe พร้อมที่จะเลือกทายาท นั่นหมายความว่าผู้ที่ขึ้นศาลในไม่ช้าจะพบว่าตัวเองกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบากว่าจะสนับสนุนเจ้าชายคนไหน
คอนสแตนตินกลายเป็นรัฐมนตรีของ Swordbury Principality เป็นการแต่งตั้งที่แปลกประหลาดที่สุด คอนสแตนตินไม่เป็นที่รู้จัก แต่พี่ชายของเขา Baery มีชื่อเสียงระดับโลก เมื่อมีการเปิดเผยว่าคริสเตียนเป็นเจ้าชายองค์ที่สาม มีการเปิดเผยว่าเวสเทอร์ แกรนดอน และคริสเตียนเกิดมาจากพ่อคนเดียวกันแต่ไม่ใช่แม่คนเดียวกัน Wester และ Grandon ไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับ Baery และ Constantine แต่ Christian เป็นหลานชายของพวกเขา นัดนี้ตั้งใจให้โอกาสคริสเตียนอีกครั้ง
มีอำนาจที่ไม่รู้จักในอาณาเขตของ Swordbury เช่นกัน กองทัพภายใน Swordbury จะเปิดใช้งานได้ก็ต่อเมื่อจักรวรรดิกำลังโค่นล้ม ไม่มีใครรู้ว่า Yolanthe จะไว้วางใจ Christian กับกองทัพในตำนานนี้หรือไม่
Yolanthe ก้าวถอยหลังและทำให้ Anfey ได้รับการนับกิตติมศักดิ์เท่านั้น หาก Anfey ไม่รับใช้จักรวรรดิต่อไป สิทธิ์ใน Violet City จะคืนสู่กษัตริย์หลังจากที่เขาเสียชีวิต ลูกหลานของเขาสามารถเป็นนายอำเภอได้ แต่นายอำเภอที่ไม่มีที่ดินก็ไม่ต่างจากสามัญชน
ในทำนองเดียวกัน Duke of Swordbury เป็นได้แค่พี่ชายและลูกของกษัตริย์เท่านั้น กษัตริย์มีอิสระที่จะตั้งชื่อดยุคใหม่หลังจากดยุคคนเก่าเสียชีวิต
หลังจากพายุสงบลง บ้านของซาอูลก็วุ่นวายมาก ผู้คนนับไม่ถ้วนมาแสดงความยินดีกับเขาที่ได้รับการแต่งตั้ง